วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วันหยุด เข้าพรรษา"คุณทำอะไร"


       ในวันหยุด 5 วัน ท่ามกลางอากาศตอนเช้าที่สดใส ฉันและครอบครัวของฉันไปทำบุณตักบาตร ที่วัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปถึงวัดก็สัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นน่าเป็นที่ประทับใจของคนที่ต้องการความสงบเป็นมากๆๆ
และเมื่อเข้ามายังสถานที่ที่คนมาชุมนุมถวายภัตตาหาร คือศาลาวัด ก็มีความรู้สึกว่าคนมามากมายเหลือเกิน มีความรู้สึกว่า คนไทยเรา รักในศาสนามากๆและรักในความเป็นไทยพุทธ เพราะนี่คือวันหยุดแห่ง วันเข้าพรรษา ซึ่งชาวไทยพุทธ จะตระหนักถึงความสำคัญของวันนี้เป็นอย่างดีเพราะเป็นวันสำคัญทางศาสนา คืองดเหล้าเข้าพรรษา ดิฉันเห็นวัยรุ่นมากมายร่วมใจกันเข้ามาทำบุญภายในวัดรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อทำหน้าที่ของชาวพุทธที่ดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดิฉันก็ออกจากวัดแล้วก็มาช่วยป้าทำอาหารเช้า เพื่อรัปประทานกัน กับข้าวมือเช้าของวันนี้คือ ต้มจืดตำลึง และต้มยำหมู  ออร่อยอย่างบอกไม่ถูกเลยแหละ
      ในวันหยุดนี้เป็นการหยุดพักผ่อนทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เรียกได้ว่าหยุดยาวเลยกันทีเดียว รุ้สึกสบายกาย สบายใจ เพราะเหมือนเป็นการพักผ่อนไปในตัว จากการเรียนที่แสนจะเหนื่อยล้า ต้องพบปะกับสังคมภายนอกที่มีแต่ความวุ่นวาย
      และวันหยุดแบบนี้นี่เอง ก็เป็นโอกาสที่มำให้เราได้ทำกิจกรรมดีๆ หลายๆอย่างคือ ช่วงครอบครัวแบ่งเบาภาระ ทำให้สบายใจมากๆๆ สนุกอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว และช่วงเย็นของวัน ก็มีเพื่อนๆๆมาเล่นด้วย คุยกัน ถามสารทุกข์สุขดิบของกันและกัน เพราะในเวลาเรียนเราไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน






วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"ความรู้เรื่อง ช้าง" จังหวัดสุรินทร์

สุรินทร์จังหวัดใหญ่แห่งลุ่มน้ำมูล เป็นจังหวัดที่คนทั่วไปทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ต่างรู้จักกันดีว่าเป็นเมืองช้างกิตติศัพท์ชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ ความน่ารัก ความแสนรู้ของช้างจังหวัดสุรินทร์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่มีใครเหมือน ช้างสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับทางจังหวัด และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวจะพบเห็นช้างตามร้านอาหาร ช้างเดินอยู่ข้างถนนปะปนกับประชาชนได้อย่างปกติธรรมดาเหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างช้างกับคนมาช้านาน ชาวสุรินทร์ถือว่าช้างเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ กล่าวได้ว่าช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองสุรินทร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม


      เมื่อปี พ.ศ.2498 มีการรวมช้างทั้งหมดในจังหวัดสุรินทร์ขึ้นเป็นครั้งแรก มีช้างรวมกันประมาณ 200 เชือก ที่อำเภอท่าตูม โดยมีนายอำเภอท่าตูมคือ นายวินัย สุวรรณกาศ เป็นผู้จัดขึ้น ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจมาก นายอำเภอจึงดำริจัดงานช้างขึ้นครั้งแรกในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2503 เป็นการฉลองที่ว่าการอำเภอใหม่ โดยจัดที่บริเวณสนามบินเก่าอำเภอท่าตูม (ปัจจุบันคือที่ตั้งโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์) การจัดงานครั้งนั้นมีรายการแสดง การเดินขบวนแห่ช้าง การคล้องช้าง การแข่งขันช้างวิ่งเร็วและยังมีการแสดงรื่นเริงอื่นๆ ประกอบอีกด้วย เช่น การแข่งเรือ แข่งขันกีฬาอำเภอ งานครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะได้การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อ.ส.ท. ปัจจุบันคือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท.) จึงเสนอกระทรวงมหาดไทย ให้สนับสนุนจัดการแสดงเกี่ยวกับช้างของจังหวัดสุรินทร์เป็นงานประเพณีและงานประจำปี โดยวางแผนประชาสัมพันธ์ทั้งในและนอกประเทศให้ดี งานนี้ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ได้เป็นอย่างดี              ดังนั้น อ.ส.ท. จึงได้ร่วมมือกับจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่มาฝึกช้าง กำหนดรูปแบบเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว กำหนดงานเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2504 เป็นปีที่ 2 จัดที่อำเภอท่าตูมเช่นเดิม งานช้างปีที่ 2 ประสบผลสำเร็จด้วยดี การแสดงของช้างในปีต่อๆ มาได้ปรับปรุงรูปแบบให้สวยงาม น่าตื่นเต้นมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในรายการแสดงของช้าง ประกอบด้วยรายการต่างๆ ได้แก่ขบวนช้างพาเหรด ช้างปฏิบัติตามคำสั่ง ช้างแสนรู้ ช้างวิ่งเร็ว ช้างวิ่งข้ามคน ช้างเตะฟุตบอล และขบวนช้างศึก และต่อมาก็มีการแสดงช้างต่อเนื่องมาทุกปีทำให้คนทั้งในประเทศและต่างประเทศรู้จักช้างสุรินทร์เป็นอย่างดีว่าเป็นจังหวัดที่มีช้างแสนรู้มากที่สุด ต่อมาทางคณะกรรมการเห็นว่าควรย้ายสถานที่แสดงจากอำเภอท่าตูมมายังสถานที่แสดงจากอำเภอท่าตูม มายังสถานที่ใกล้ไปมาสะดวกเพื่อความเหมาะสมจึงได้มาจัดการแสดงช้างที่สนามกีฬาจังหวัด ตั้งแต่ พ.ศ.2505 สมัยนายคำรณ สังขกร เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขณะนั้นสืบมาจนถึงปัจจุบัน





ช่วงที่น่าไปเยี่ยมหมู่บ้านมากที่สุดคือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคมเพราะควาญช้างจะกลับมาเก็บเกี่ยวข้าว และนำช้างมาร่วมงานแสดงของจังหวัด ซึ่งจะมีช้างกลับมาอยู่บ้านเป็นจำนวนมาก กรณีที่เดินทางกันมาเป็นกลุ่ม และต้องการให้ช้างมาแสดงให้ดูในวันธรรมดาสามารถติดต่อล่วงหน้าได้ที่ผู้ใหญ่บ้านประกิต กลางพัฒนา ผู้ใหญ่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม โทร. 0-1999-1910, 0-1967-5015 หรือที่ว่าการอำเภอท่าตูม โทร.0-4459-1141, 0-4459-1058 ค่าเข้าชมชาวไทย คนละ 50 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท ส่วนการนั่งช้างเที่ยวชมหมู่บ้านหรือลัดเลาะแม่น้ำนั้นก็แล้วแต่จะตกลงราคากันเอง

 ข้อมูลช้างเลี้ยง จังหวัดสุรินทร์
ลำดับที่

พื้นที่ / 
อำเภอ
จำนวนช้างทั้งหมด
อยู่ในพื้นที่
ไป กทม.
หากินที่อื่น
ไม่ระบุ
รวม
(เชือก)
คิดเป็น
(เชือก)
(เชือก)
(เชือก)
(เชือก)
(เชือก)
1
อ.เมืองสุรินทร์
97
19.76%
-
-
-
97
97
2
อ.จอมพระ
2
0.41%
-
-
2
-
2
3
อ.ท่าตูม
263
53.56%
87
35
141
-
263
4
อ.ชุมพลบุรี
76
15.48%
-
-
-
76
76
5
อ.สังขะ
23
4.68%
-
-
22
1
23
6
อ.เขวาสินรินทร์
27
5.50%
-
-
21
6
27
7
อ.พนมดงรัก
3
0.61%
-
-
3
-
3
รวม
491
100 %
87
35
189
180
491
17.72%
7.13%
38.49%
36.66%
100 %
ที่มา : ที่ทำการปกครองจังหวัดสุรินทร์
รายชื่อเจ้าของช้างที่มีช้างในครอบครอง ตั้งแต่ 5 เชือกขึ้นไป
ลำดับ
ชื่อ-นามสกุล
ที่อยู่ (เจ้าของช้าง)
ทะเบียนช้าง
ช้างในครอบครอง
คิดเป็น
1
นายสินชัย ธนสมุทร136/3 ถ.จิตรบำรุง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์อ.เมืองสุรินทร์
16 เชือก
3.26%
2
นางพัชรา ดูกิจติเกษม67-71 ถ.ปัทมานนท์ ต.ในเมือง
อ.เมือง จ.สุรินทร์
อ.เมืองสุรินทร์
76 เชือก
15.48%
3
นายสมโรจน์ ดูกิจติเกษมถ.ปัทมานนท์ ต.ในเมือง อ.เมือง
จ.สุรินทร์
อ.ท่าตูม
12 เชือก
2.44%
4
นายดา จงใจงาม50 ม. 13 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์อ.ท่าตูม
7 เชือก
1.43%
5
นายประกิต
กลางพัฒนา
30 ม. 9 ต.กระโพ อ.ท่าตูม
จ.สุรินทร์
อ.ท่าตูม
9 เชือก
1.83%
6
นายมาก ศรีสุข20 ม.7 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์อ.ท่าตูม
12 เชือก
2.44%
7
นายบุญมา
จงใจงาม
39 ม. 11 ต.กระโพ อ.ท่าตูม
จ.สุรินทร์
อ.ท่าตูม
7 เชือก
1.43%
8
นายเปา จงใจงาม13 ม.3 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์อ.ท่าตูม
7 เชือก
1.43%
9
นายสุริยะ ร่วมพัฒนา91 ม. 1 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์อ.ท่าตูม
18 เชือก
3.67%
10
นายวัน เรียงเงินม. 4 ต.เขวาสินรินทร์ กิ่ง อ.เขวาฯ
จ.สุรินทร์
กิ่ง อ.เขวาฯ
8 เชือก
1.63%

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ท่องเที่ยวไทย

ท่องเที่ยวไทยกันไหมคะ

เชียงคาน เมืองเล็กๆ ที่ผู้คนมากมายกำลังให้ความสนใจ อยากที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวสักครั้ง ด้วยคำล่ำลือถึงความงามและสงบของเชียงคาน และผู้คนที่อัธยาศัยไมตรีดีนักหนา 

เชียงคานตั้งอยู่ที่ จังหวัดเลย เป็นอำเภอหนึ่งที่มีอาณาเขตติดกับแม่น้ำโขงซึ่งกั้นเขตแดนไทยลาว ถามว่าเชียงคานมีอะไรน่าสนใจและอะไรสะดุดตาบ้างในเชียงคาน สิ่งที่เราเห็นถึงเสน่ห์ของเชียงคานอันดับแรก คงจะเป็น บ้านเรือนไม้ ที่ยังคงอนุรักษ์กันไว้ พร้อมกับการเกิดขึ้นของร้านของที่ระลึกนับสิบ และที่พักแบบเกสต์เฮาส์หรือโฮมสเตย์อีกมากมาย ที่พร้อมใจกันนำเอาอาคารไม้แบบดั้งเดิม มาตบแต่งเสียใหม่ให้น่ารักเก่ไก๋ แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย 
ต่อมาคือเสน่ห์ริมโขง ธรรมชาติที่สวยงาม วิวที่เชียงคานนี้ สวยชนิดที่ว่า หาชมแบบนี้ได้ยากจากที่อื่น 



จุดถ่ายรูป มีมากมายชนิดที่ว่า เที่ยวกัน3วันไม่แน่ว่าจะถ่ายกันหมดมั๊ย กับร้านเก๋ๆ ที่จัดมุมถ่ายรูปไว้เรียกลูกค้าล้วนแต่สวยๆน่าสนใจทั้งนั้น หลายร้านยังนิยมเล่นคำ กับป้าย พวกคำว่า “เลย” และคำว่า “คาน” อย่างเช่น รักเลย เชียงคาน , ระวัง(ขึ้น)คาน เป็นต้น แค่อ่านป้ายก็เพลินแล้ว  
เชียงคานยังมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ในแง่มุมของผู้คน เพราะคนเชียงคาน คือ คนสายเลือดเดียวกับ หลวงพระบาง จึงมวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง ตั้งแต่ภาษา หรือการตักบาตรข้าวเหนียว 
สะดุดตากันไป ใครฝันจะไปเมืองคานส์ ที่ฝรั่งเศส ลองมาเมืองคาน ที่เลยนี้กันก่อน เพราะคนที่นี่เขาก็ติสไม่เบา มีศิลปินหลายคนย้ายตัวเองมาหาความสงบ สดชื่นอยู่ที่เชียงคาน ...วันนึงเราอาจจะเห็น เทศกาลภาพยนต์เมืองคาน จัดขึ้นที่ คาน เมืองไทย (เชียงคาน) หรือสาวๆจะไปแก้เคล็ดก็น่าสนใจ จะได้ไม่ขึ้นคาน ต้องมาเที่ยวเชียงคานนะจ๊ะ ...