วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประวัติศาลหลักเมือง บ้านสังขะ ตำบลสังขะ อำเภอสังขะ สุรินทร์

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ บ้านสังขะ ต.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์

                 ประวัติศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ  อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์
ปีพุทธศักราช 2306 พระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดแต่งตั้งให้ "เชียงฆะ" หัวหน้าหมู่บ้านโคกอัจจะ หรือบ้านดงยางเป็น "พระสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ" และยกฐานะบ้านโคกอัจจะเป็น "เมืองสังฆะ" หลังจากพระสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (เชียงฆะ) ได้รับโปรดเกล้าขึ้นเป็นเจ้าเมืองแล้ว จึงดำริจะจัดสร้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขึ้น บริเวณทิศเหนือจวนเจ้าเมือง โดยมีตำนานเล่าขานกันว่า ในการประกอบพิธีตั้งศาลหลักเมืองนี้ ได้นำนักโทษประหารมาฝังไว้ในหลุม เพื่อเป็นผีบ้านผีเมืองปกปักรักษาบ้านเมือง ตามความเชื่อถือแต่โบราณ และได้นำไม้แก่นมาปักเป็นเสาหลักเมืองบนหลุมศพนักโทษ โดยทำพิธีพรามณ์ตามความเชื่อ และได้มีพีธีบวงสรวงสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองในแรม 13 - 14 ค่ำ หรือ 14 - 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ต่อมาในราวพุทธศักราช 2450 ได้ยกเมืองสังฆะ ขึ้นเป็นอำเภอสังขะ ขึ้นกับเมืองสุรินทร์ และยังคงมีการสืบทอดประเพณีบวงสรวงศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเรื่อยมา



เนื่องจากอาคารที่ตั้งมีสภาพชำรุดทรุดโทรม และแบบแปลนไม่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ตลอดจนเป็นการไม่สะดวกสำหรับประชาชนที่มาบวงสรวง สักการะ นายธีระทัศน์  เตียวเจริญโสภา สส.สุรินทร์ ได้ร่วมหารือกับคณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน นักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้าประชาชนชาวอำเภอสังขะ โดยเสนอให้กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบแปลน (โดยยึดแบบศิลปะอีสานใต้ หรือแบบขอมโบราณ)


ต่อมาได้เสนอของบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบลสังขะ เพื่อสร้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะใหม่ ต่อนายสมบูรณ์  เตียวเจริญโสภา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสังขะ เพื่อของบประมาณอาคารศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ ราคากลางไว้ 3,710,000 บาท ซึ่งได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ จากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสังขะ จัดสรรงบประมาณประจำปี 2549 จำนวน 1,700,000 บาท มาดำเนินการก่อสร้างอาคารเบื้องต้นร้อยละ 40%



เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2549 ได้มีการทำพิธีสักการะอัญเชิญศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ ไปประดิษฐานทางทิศใต้ทางเข้าวัดกลาง (ใต้ต้นโพธิ์) ณ ศาลาชั่วคราว และได้ดำเนินการรื้อทุบอาคารหลังเดิมทิ้ง และวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 ได้มีการทำพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ (สร้างสถานที่เดิม และสถานที่นี้เป็นทรัพย์สินของ อบต.สังขะ ตามบันทึกกรมทางหลวงที่ คค.0635/2/11316 ลว. 18 ก.พ. 2545 ส่งมอบและรับมอบ เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2546) เป็นเบื้องต้นประมาณร้อยละ 40 ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ



ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 องค์การบริหารส่วนตำบลสังขะ ฝ่ายสภาและฝ่ายบริหาร ได้อนุมัติเงินสะสม เพื่อก่อสร้างอาคารศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะเพิ่มเติม จำนวน 2,000,000 บาท รวมงบประมาณในการก่อสร้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ ตามแบบแปลนของกรมศิลปากรจนแล้วเสร็จ เป็นเงินทั้งสิ้น 3,700,000 บาท (สามล้านเจ็ดแสนบาทถ้วน) แล้วเสร็จเมื่อ เดือนมกราคม พ.ศ. 2552 เดือนมีนาคม - เมษายน 2552 ได้ดำเนินการก่อสร้างพื้นรอบศาลเจ้าพ่อหลักเมือง รั้วและพื้นรอบรั้ว แล้วเสร็จจากการบริจาคเงินของประชาชน



ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552 แรม 14 ค่ำ เดือน 5 พิธีสักการะเซ่นไหว้ พระสงฆ์ 5 รูป สวดถอน ปะพรม พระพุทธมนต์ เจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ (ณ ศาลาชั่วคราว) ในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 พิธีอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ มาประดิษฐาน ณ อาคารศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ หลังใหม่ เปิดป้าย และเจิมป้ายศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ

จากประวัติศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสังขะ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับตามอายุขัยประมาณ 346 ปี (2306 - 2552) ในการทำนุบำรุงปูชนียสถานแห่งนี้ ให้เป็นที่เคารพสักการะบูชา และคุ้มครองปกปักรักษาบ้านเมือง ให้ยั่งยืนตราบชั่วนิรันดร์ อยู่ที่ความศรัทธา ความร่วมแรงร่วมใจกันดูแลรักษา ของชาวอำเภอสังขะทุกคน

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์


มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์




จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ/เอกชน และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไทย (ททท.) กำหนดจัดงาน มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ประจำปี 2556 ขึ้นในระหว่างวันที่ 8-19 พฤศจิกายน 2556 ณ บริเวณสนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จังหวัดสุรินทร์ และร่วมอนุรักษ์วิถีชีวิต คนกับช้างจังหวัดสุรินทร์ให้คงอยู่สืบไป

        ชาวสุรินทร์และ ททท. ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางมาเที่ยวในช่วงงานมหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ ปี 2556 กับกิจกรรมทางการท่องเที่ยวอันหลากหลาย อาทิเช่น ขบวนแห่รถตกแต่งด้วยอาหารช้าง ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้นานานาชนิดที่ผู้จัดทุ่มเทแรงกายแรงใจจัดให้เป็นอาหารช้างที่สวยสดงดงาม ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ชมขบวนแห่ช้างเข้าเมืองที่ช้างนับร้อยเชือกจะเดินไปตามท้องถนน (ถนนธนสาร) ผ่านใจกลางเมืองสุรินทร์ไปยังสถานที่เลี้ยงต้อนรับช้าง 


        ต่อด้วยงานต้อนรับและเลี้ยงอาหารช้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกโดยกินเนสบุ๊ค เวิลด์ เรคคอร์ด บันทึกไว้ว่าเป็น บุฟเฟ่ต์อาหารช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้นักท่องเที่ยวเพลินเพลินและสุขใจกับการป้อนอาหารช้างอย่างจุใจทั้งคนทั้งช้าง ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง หรือชมการแสดงช้างสุรินทร์อันยิ่งใหญ่อลังการสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศถึงความสามารถและความน่ารักของช้างไทย พร้อมร่วมกิจกรรมไฮไลท์ที่ผู้เข้าชมตั้งตารอเข้าร่วมกับ กิจกรรมชักกะเย่อระหว่างคนกับช้าง ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทุกท่านสามารถร่วมทดสอบพลังกับช้างไทยได้อย่างเต็มอิ่มและประทับใจกับประสบการณ์ในครั้งนี้ พร้อมที่ จะหลงรักช้างจังหวัดสุรินทร์มิรู้ลืม ในระหว่างวันที่ 16 – 17 พฤศจิกายน 2556 ณ สนามแสดงช้าง จังหวัดสุรินทร์

        นอกจากนี้ จังหวัดสุรินทร์ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอันน่าสนใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าชมได้ตลอดทั้งช่วงงานกิจกรรมอันได้แก่

        • พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ ชมและศึกษาจังหวัดสุรินทร์ ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์ ธรรมชาติ ชาติพันธุ์โบราณคดี ประวัติศาสตร์เมืองแบบ 360 องศา ผ่านสื่อจำลองที่ทันสมัยที่สุดในอีสานใต้

        • หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง ชมศิลปะการถักทอเส้นไหม สลับซ้อนดิ้นทองผสมผสานลายราชสำนักโบราณอันอ่อนช้อย วิจิตรงดงาม ร่วมสัมผัสกระบวนการทอผ้าไหมอันน่าตื่นตา ตื่นใจ พร้อมเรียนรู้ภูมิปัญญาการย้อมสีจากธรรมชาติของชาวสุรินทร์ ให้ติดแน่นทนนาน

        • วนอุทยานพนมสวาย สักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่งได้แก่ พระพุทธสุรินทรมงคล, รอยพระพุทธบาทจำลอง, อัฐิหลวงปู่ดุลย์ อตุโล, พระพุทธรูปองค์ดำ, อัฐิหลวงปู่สวน (พระครูพนม ศิลาคุณ), ปราสาทหินพนมสวาย, เจ้าแม่กวนอิม, เต่าหินศักดิ์สิทธิ์ และสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ พร้อมร่วมเคาะระฆังศักดิ์สิทธิ์ 1,080 ใบเพื่อให้ชื่อเสียงขจรไกลเหมือนระฆัง

        • กลุ่มปราสาทตาเมือน กลุ่มโบราณสถานปราสาทหินสามหลังสามแบบ ในศาสนาฮินดูไศวนิกาย ที่เป็น จุดพักของนักเดินทางในครั้งอดีตตามแนวบริเวณชายแดนไทย กัมพูชา

        • หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ชมวิถีชีวิตของคนเลี้ยง ช้าง ซึ่งเลี้ยงเสมือนเป็นหนึ่งสมาชิก ในครอบครัว พบกับความน่ารัก และแสนรู้ของโขลงช้างกว่า 300 เชือก

        สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานจังหวัดสุรินทร์ โทร. 0 4451 0239, 0 4452 1358 www.surin.go.th องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ โทร. 0 4451 1975 www.surinpao.org เทศบาลตำบลระแงง โทร. 0 4456 1243 ททท. สำนักงานสุรินทร์ โทร. 0 44 51 4447 - 8 โทรสาร. 0 4451 8530 e-mail : tatsurin@tat.or.th http://www.tourismthailand.org/surin www.facebook.com/TATSurinOffice หรือโทร. 1672 

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำท่วมสุรินทร์ในรอบ 20 ปี

เมืองสุรินทร์จมบาดาล ชาวบ้านผวาน้ำท่วมซ้ำ น้ำไหลบ่าจากอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ท่วมหนัก บ้านเรือนประชาชน ถนนสายหลักสองสาย น้ำท่วมสูงการสัญจรลำบาก (ดูภาพเพิ่มเติม)

21 ก.ย. 56 - ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า อิทธิพลพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้เคลื่อนตัวผ่านประเทศลาวตอนล่างเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัด สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราดมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 19-21 กันยายน 2556

โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ มีฝนตกหนักตลอดทั้งวัน ทำให้อ่างเก็บน้ำห้วยเสนงมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเป็น120% แล้ว น้ำล้นสปิลเวย์ ท่วมถนน บ้านเรือนประชาชน โรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนชั่วคราวจนกว่าฝนจะหยุดตกและปริมาณน้ำที่ท่วมขังลดลงเบาบางก่อน
ร้อยเอกณัฐชัย ม่านชเขต อายุ 44 ปี นายทหารยานยนตร์ จังหวัดทหารบกสุรินทร์ กล่าวว่า ตนได้รับหน้าที่ไปช่วยเหลือประชาชน หมู่บ้านทนง-หมู่บ้านซิตี้แสนด์ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เข้าไปได้ประมาณ 800-900เมตร เพราะน้ำท่วมสูง เข้าไปช่วยยกรถที่น้ำท่วมขังของประชาชนออกมาด้านนอก และยังโดยสารประชาชนเข้า-ออกหมู่บ้านด้วย ยังมีประชาชนที่รอคอยความช่วยเหลืออีกมาก ตนได้รับหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 19 ที่ผ่านมา ส่วนวันนี้ก็ยังมีประชาชนต้องการความช่วยเหลืออยู่อีกมาก

นายบุญเรือง เมฆอรุณ อายุ 61 ปี อยู่ซอย 1 บ้านซิตี้แสนด์ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนอยู่ซอย 1พื้นถนนจะสูงกว่าซอยถัดไประดับน้ำจึงต่ำกว่าเกือบศอก ตนอยู่หมู่บ้านนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นน้ำท่วมขนาดนี้มาก่อน ตนก็ได้แต่นำกระสอบทรายมาปิดกั้นบ้านแล้ววิดน้ำออก ตนได้เอาเครื่องใช้ไฟฟ้ามาไว้บนที่สูงได้ทันเลยไม่เสียหาย
ด้าน น.ส.ดารัน ปิติมังสาวงค์ อายุ 28 ปี ซอย 4 หมู่บ้านซิตี้แลนด์ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนอยู่บ้านหลังนี้มา 5 ปีแล้วไม่เคยเจอเหตุการณ์หนักขนาดนี้มาก่อน น้ำท่วมทะลักเข้ามาเร็วมาก ปกติท่วม 1 ขั้นบันได หรือประมาณเลยตาตุ่มนิดหน่อย ตามพยากรณ์แจ้งมาว่ามีฝนตก 2 วัน คือวันที่ 19 - 20 กันยายน ห้วยเสนงประกาศปล่อยน้ำประมาณตี 1 ของคืนวันที่ 20 ประมาณ 2 ชั่วโมงน้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านตน มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลย เก็บข้าวของไม่ทันเสียหายหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง น้ำเอ่อล้นสปิลเวย์ช่วงเวลา 04.00 น. ของวันที่ 20 กันยายน และเวลา 00.00 น. วันที่ 21 ก.ย.56ได้ปล่อยน้ำระบายออกจากอ่าง เพื่อรองรับน้ำที่ยังไหลเข้าอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในหลายพื้นที่เขตอำเภอเมืองสุรินทร์มีระดับน้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะพื้นที่รับน้ำหมู่บ้านใกล้เคียงบริเวณโกลบอลเฮาส์หลายหมู่บ้าน กว่า 500 หลังคาเรือนกำลังได้รับความเดือดร้อนหนัก ลำรางห้วยเสนงทางระบายน้ำไม่ทันน้ำหนุนท่วมสูงทุกขณะ และหมู่บ้านทนง-หมู่บ้านซิตี้แสนด์ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เข้าท่วมจมบ้านเรือน ร้านค้า รถยนต์ ถนนขาดหลายแห่งทำให้การเดินทางเข้า-ออกจากตัวเมืองสุรินทร์ เป็นไปได้ยาก ถนนบางสายเช่น ถนนสุรินทร์-ศีรขรภูมิ บริเวณ สี่แยกเทพธานีปิดการจารจรมา 2 วันแล้ว ถนนเลี่ยงเมืองสุรินทร์ สายบุรีรัมย์-ปราสาท ผ่านหน้าเรือนจำสุรินทร์ มีถนนขาดสัญจรไม่ได้ ประกอบกับฝนที่ตกมาอย่างต่อเนื่อง อบจ.สุรินทร์และเทศบาลเมืองสุรินทร์ เร่งประกาศหาอาสาสมัครช่วยกรอกกระสอบทรายและนำน้ำดื่มสะอาดข้าวกล่องนั่งเรือท้องแบนและรถบรรทุกของทหารเข้าไปมอบให้ผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน พร้อมประกาศเตือนจุดเสี่ยงภัย ให้ย้ายออกไปพักอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวด่วนก่อนที่น้ำระลอกใหม่จะมาถึง ขณะที่น้ำท่วมในบางจุดระดับน้ำลดปริมาณลงบางแล้วใกล้กลับสู่ภาวะปกติโดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่ได้รองรับน้ำหลากจากการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง แต่ชาวบ้านยังผวาน้ำท่วมซ้ำอีกระลอก

น้ำไหลบ่าจากอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ท่วมหนัก บ้านเรือนประชาชน ถนนสายหลักสองสาย น้ำท่วมสูงการสัญจร ลำบาก
ตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้ (21 ก.ย.) น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง รับน้ำจากเมือกเขาพนมดงรัก และฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อ่างเก็บน้ำ รับน้ำเกินความจุ น้ำได้ไหลสปิลเวย์ และลงสู่ บ้านเรือนประชาชน น้ำท่วมหมู่บ้านหนองเต่า บ้านละเอาะ ระดับน้ำท่วมสูง กว่า 2 เมตร ทหาร จทบ.สุรินทร์ อาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ปภ.จังหวัด เร่งอพยพชาวบ้านไปยังศูนย์ อพยพ จทบ.สุรินทร์ ขณะเดียวกัน น้ำท่วมถนนเข้าเมืองสุรินทร์ จากบายพาสหนองเต่า ระยะทางกว่า 2 กม.รถเล็กผ่านไม่ได้
ส่วนที่ อ.ศีขรภูมิ อ.สังขะ ระดับน้ำยังท่วม สูง ท่วมบ้านเรือนประชาชน ได้รับความเดือดร้องอย่างหนัก ส่วนในเขตตัวเมืองเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ ระดับน้ำเริมลดลง ใกล้สู่ภาวะปรกติ แต่มวลน้ำจำนวนมาก ยังท่วมหนัก ในเขตรอบนอกเมือง ทั้งตำบลสลักได ต.นอกเมือง ต.แกใหญ่ น้ำยังท่วมหนัก
อ.ปราสาท น้ำจากเทือกเขาพนมดงรักไหลเข้าท่วม สี่หมู่บ้าน บ้านห้วยเสนง บ้านกวล บ้านหนองใหญ่ บ้านสวายสะพึง ต.หนองใหญ่ ประชาชนเดือดร้อนหนัก หลายฝ่ายเร่งช่วยเหลือ
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. (21 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ เข้าตรวจสอบเส้นทาง สาย 226 ช่วง หน้าสถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ เอ็นบีที ถึง ด้านหน้า ร้านอาหาร อ.กุ้งเผา ระยะทาง 900 เมตร เส้นทางเข้าบุรีรัมย์ ไม่สามารถสัญจร ได้ น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ไหลบ่าเข้าท่วม ระดับน้ำท่วมสูง 30-50 เชนติเมตร ขณะนี้ รถเล็ก ผ่านไม่ได้ รถใหญ่ยังพอผ่านได้ คาดว่า บ่ายวันนี้ การสัญจรเส้นทางถูกตัดขาดแน่นอน เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ ได้ทำป้ายแนะนำเส้นทางไว้ หรือสอบถาม เส้นทางกับตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ 044-511007
ขณะนี้ฝนยังตก เป็นระยะ อย่างต่อเนื่อง และระดับล้นสปิลเวย์ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง สูงถึง 50 เชนติเมตร ยังไหลบ่าลง เข้าสู่พื้นที่ชุมชนบ้านเรือนประชาชน อย่างหนัก คาดว่าบ่ายวันนี้ น้ำจากเทือกเขาพนมดงรัก ไหลจาก อ.พนมดงรัก อ.กาบเชิง เข้าสู่อย่างเก็บน้ำห้วยเสนง มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ มีมวลน้ำจำนวนมาก เข้าสู่บ้านเรือนประชาชน
ทั้งนี้ผู้ที่จะเดินทางเข้าสู่จังหวัดสุรินทร์ ให้ใช้เส้นทางสาย 24 สีคิ้ว-เดชอุดม และเข้าเส้นทาง อ.ลำดวน หรือ อ.สังขะ เข้าสู้จังหวัดสุรินทร์ได้

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทความเรื่องแม่ กลอนวันแม่

คนเราที่เกิดมาทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักคำว่า "แม่" เพราะแม่เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้เลี้ยงเฝ้าดูแลเรามาตลอด เป็นผู้รักเรามากกว่าใคร ๆ ที่บอกว่ารักเรา ไม่ว่าลูกจะทำผิดขนาดไหนแม่ก็ยังให้อภัยแก่ลูกเสมอ บางครั้งลูกทำผิด แม่โกรธ ดุด่า ว่าลูก แต่แม่ก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายลูก ความรักมีหลายรูปแบบ เช่น ความรักของหนุ่มสาว ความรักต่อเพื่อน ความรักต่อครู-อาจารย์ เป็นต้น แต่ความรักเหล่านี้อาจจะลืมเลือนไปได้โดยง่าย เพราะมันไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เปรียบไม่ได้กับความรักของแม่ที่มีต่อลูก ซึ่งมีแต่ให้ไม่เคยคิดที่จะได้ตอบแทน คุณของ "แม่" นับว่าเป็นคุณที่ไม่อาจจะตอบแทนได้ นับเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ กว่าที่แม่จะคลอดเรามาแม่ก็ต้องอุ้มท้องเรามานานนับ 10 เดือน โดยที่ไม่คิดว่าเป็นอุปสรรคต่อการอยู่ในชีวิตประจำวัน พอถึงวันที่คลอด นับแต่วันที่คลอดแม่ก็เฝ้าดูแล เป็นอย่างดี ไม่ให้ มด ยุง แมลงต่าง ๆ มากัดตัวลูก หาอาหารอย่างดีมาให้ทาน ไม่เคยเอาสิ่งที่ไม่ดีมาให้ลูกกิน มาถึงทุกวันนี้แม่ก็ยังดูแลเราไม่เคยห่างสายตา เพราะแม่ยังกลัวว่า ลูกจะหลงผิดทำให้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม่ไม่คิดที่จะให้ลูกทำในสิ่งทดแทนคุณ เพราะแม่คือคนที่รักลูกที่แท้จริง เป็นผู้ที่คิดแต่จะให้ลูกโดยไม่คิดสิ่งตอบแทนที่ได้จากลูก แม่เป็นผู้ที่สั่งสอนลูกมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต แม่สอนแต่สิ่งที่ดี นับเป็นคุณ "ครู" คนแรกของลูก แม่อาจเป็นทั้ง แม่, เพื่อน และครู ในเวลาเดียวกันได้ ในยามที่ลูกทุกข์แม่ก็คอยปลอบ ในยามที่ลูกผิดแม่ก็คอยสอน ตักเตือน ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ในยามที่ลูกป่วยไข้ก็มีเพียงแม่เท่านั้นที่เฝ้าดูแลไม่ห่าง ไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเราป่วยเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ เพื่อนคนที่เคยบอกว่ารักเรา เขาอาจจะไม่กล้ามาเยี่ยม เพราะเขากลัวโรคร้ายนั้นจะติดเขา แต่ผุ้เป็นแม่ไม่ว่าโรคนั้นจะร้ายสักเพียงใดก็ไม่คิดที่จะทอดทิ้ง ให้ลูกอยู่โดดเดี่ยวมีแต่จะเป็นห่วงลูกเพิ่มขึ้น ลูกยิ่งป่วยหรือเจ็บมากขึ้นเท่าใดผู้เป็นแม่ก็ยิ่งร้อนใจ เพิ่มขึ้นหลายเท่า แม่ยอมขายที่นา สวน ไร่ เพื่อให้ได้เงินมารักษาลูก เงินไม่พอก็ไปขอยืมเขา แม้ว่าดอกเบี้ยจะแพงขอเพียงเพื่อได้รักษาให้ลูกได้หาย และมีความสุข แม่ทนทุกข์ยากและลำบาก ในการทำงาน ตากแดดตัวดำเพื่อให้ลูกชาย หญิง ได้เรียนหนังสือมีความรู้สูงๆ เพื่อไม่ต้องลำบาก เหมือนแม่ แม่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาใช้ในครอบครัว และเงินที่ได้มาจากแรงกายของแม่ ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ที่ลูก ไม่ว่าลูกจะขอเท่าไรแม่ก็หามาให้ได้เสมอ ลูกสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลไม่ได้ก็ดิ้นรน ให้ลูกได้เรียนโรงเรียนเอกชน แม้ค่าเล่าเรียนเป็นหมื่นเป็นแสนก็ยอม เพียงแต่ขอให้ลูกได้เรียน แม่ก็มีความสุข แต่แม่ไม่เคยรู้เลยว่าลูกมาโรงเรียนแล้วเป็นอย่างไร แม่คิดเพียงว่าลูกไปโรงเรียน คงตั้งใจเรียน และลูกคงเหนื่อย เมื่อลูกกลับถึงบ้านตอนเย็นแม่จะไม่ให้ลูกทำงานบ้านอีก แต่ลูกบางคนมาโรงเรียนแล้วไม่ได้ตั้งใจเรียนสักเท่าใดเลย แม่ต้องทนลำบากเพื่อให้ลูกได้เรียน และเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของแม่เราต้องตั้งใจเรียนให้สมกับที่แม่ตั้งความหวังเอาไว้ อย่าให้แม่ผิดหวัง แม่แนะนำตักเตือนก็ต้องเชื่อฟังเพราะสิ่งที่แม่พูดเป็นสิ่งที่ดีไม่ผิด ปัจจุบันนี้ไม่ว่าแม่พูดอะไรผมจึงไม่เคยคิดที่จะขัดใจแม่ เพราะผมรู้ดีว่าสิ่งที่แม่แนะนำตักเตือน เพราะแม่หวังดี ไม่มีแม่คนไหนที่จะคิดร้ายต่อลูก ลูกมีกี่คนแม่สามารถเลี้ยงดูได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นเราผู้เป็นลูกมีแม่เพียงคนเดียวเราต้องดูแลท่านให้เหมือนที่ท่านเคยดูแลเรามา และหาสิ่งดีๆมาตอบแทนโดยการตั้งใจเรียนเท่านี้แม่ก็ดีใจมากแล้ว ในยามที่แม่แก่ชรา ผมรู้ดีว่าคนแก่ชราต้องการอยู่ใกล้ลูกๆ หลานๆ ดังนั้นเราก็ต้องเอาใจใส่แม่ของเราให้มากที่สุด 




" อ้างว้าง...เดียวดาย...คิดถึงใจจะขาด " 




แม่จ๋า.............................
ค่ำคืนนี้ลูกยืนอยู่เดียวดาย
แสนใจหายข้างกายไม่มีแม่
ทุกคืนวันเคยมีกันไม่ผันแปร
แต่บัดนี้แน่แท้แม่ห่างไกล
อีกกี่วันกี่คืนจะเหมือนเก่า
อยู่ใกล้เงาแม่และพี่ไม่ห่างหาย
ขอตั้งจิตอธิษฐานหากไม่ตาย
กลับคืนกายใกล้เคียงกันวันลูกรอ
ยังมีหวังอยู่ใช่ไหมโอ้แม่จ๋า
วันที่เราได้กลับมาอยู่ร่วมต่อ
แม่และพี่น้องหลานตั้งตารอ
ยังมีหวังใช่ไหมหนอรอวันคืน
วอนองค์เทพองค์พรหมบนฟากฟ้า
โปรดมองมาที่ลูกผู้หม่นหมอง
โปรดตัดกรรมตัดเวรที่ตามจอง
โปรดอวยพรบุญที่ทำให้นำพา
ขอวอนกราบเจ้ากรรมนายเวรทุกๆ ท่าน
หยุดจองจำตัวของข้าฯ ให้หม่นหมอง
บุญกุศลที่ทำไปให้เนืองนอง
แผ่ทั่วผองทั่วไพศาลสถานไกล
ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่ทำไว้
ชาติไหนๆ ให้ปรากฏ ณ เบื้องหน้า
นาทีนี้ เวลานี้ โปรดนำพา
ได้พบหน้าแม่และพี่ที่รักเอย.
ขออยู่ร่วมชายคาแม่และพี่
ที่ที่ดีปลอดภัยและไร้ทุกข์
ขอปวงเทพเทวัญประทานสุข
ให้ตัวลูกแม่และพี่บัดนี้เทอญ




ยามที่แม่สั่งสอนพร่ำวอนลูก....เรื่องผิดถูกลูกก็ว่าแม่จู้จี้
ต่อเมื่อลูกเติบใหญ่จึงได้ดี......เพราะคำที่แม่พูดไว้ไม่ผิดคำ
เมื่อยังเด็กลูกไม่เห็นคุณค่าแม่....เป็นบาปแท้ที่ลูกเถียงแม่เช้าค่ำ
ลูกกระทำความผิดนี้ประจำ.....ขอกล่าวคำขอโทษโปรดอภัย





ยามที่ลูกประสบกับความทุกข์...หันไปที่ใดไม่มีคนเข้าใจ

แต่ก็ยังมีไอแห่งความอบอุ่น...จากบุคคลคนหนึ่งเสมอมา
บุคคลท่านนั้นก็คือแม่.....แม่ผู้เข้าใจในตัวลูก
ทำให้ลูกคนนี้มีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป....ในโลก





เมื่อรู้ว่าตัวเธอนั้นตั้งท้อง......เฝ้าประคองด้วยใจที่มุ่งหวัง

สิ่งที่ชอบเผ็ดร้อนเธอระวัง......เพื่อปกกันลูกน้อยจะกระเทือน
...แม้ไม่รู้ว่าจะชายหรือหญิง.....เธอประวิงเฝ้านับครบวันเคลื่อน
แม้จะเจ็บจะกลัวตัดทั้งปวง.....เธอปลื้มทรวง.....เสียงแว้..แรกเริ่มดัง





เริ่มตั้งไข่...ใจพองประคองลูก....ความพันผูกแนบแน่นสุดขานไข

เริ่มหัดเดินหัดพูดแม่สุขใจ...ก้าวแรกได้ให้ลูก..ด้วยผูกพัน
...แม่เป็นครูคนแรกของชีวิต....ชี้ถูกผิดให้ลูกรู้ด้วยความฝัน
เติบโตใหญ่รวยจนไม่สำคัญ....ขอลูกฉันเป็นคนดีของสังคม





มาวันนี้แม่เริ่มแก่..ชะแรล้า แม่มองหาลูกทุกคน...อยู่ที่ไหน

จากอกแม่..ลืมแม่ไม่หวงใย.....ถึงเศร้าใจ...แต่แม่ไม่โกรธเคือง
...ถ้าใครยังมีแม่ขอเชิญเถิด.....กราบเท้าเทิดบาทแม่ประเสริฐเหลือ
กตัญญูรู้คุณบุญคุ้มตัว....แม้สิ่งชั่วต้องแพ้พ่าย...กตเว..ทิตาคุณ





รักของแม่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งไหน…......…หาสิ่งใดมาเทียบมิได้หนา

ตั้งแต่แม่ตั้งท้องคลอดลูกยา................อีกน้ำนมของมารดาให้ลูกกิน
แม่ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกน้อย........แม่เฝ้าคอยพัดวีให้ลูกสิ้น
แม่ยอมอดเมื่อให้ลูกนั้นได้กิน…….........แม่ยลยินลูกน้อยดั่งกลอยใจ


อ้างอิงข้อมูลมาจาก www.icphysics.com   


ผิดถูกประการใด ผมขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วันหยุด เข้าพรรษา"คุณทำอะไร"


       ในวันหยุด 5 วัน ท่ามกลางอากาศตอนเช้าที่สดใส ฉันและครอบครัวของฉันไปทำบุณตักบาตร ที่วัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปถึงวัดก็สัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นน่าเป็นที่ประทับใจของคนที่ต้องการความสงบเป็นมากๆๆ
และเมื่อเข้ามายังสถานที่ที่คนมาชุมนุมถวายภัตตาหาร คือศาลาวัด ก็มีความรู้สึกว่าคนมามากมายเหลือเกิน มีความรู้สึกว่า คนไทยเรา รักในศาสนามากๆและรักในความเป็นไทยพุทธ เพราะนี่คือวันหยุดแห่ง วันเข้าพรรษา ซึ่งชาวไทยพุทธ จะตระหนักถึงความสำคัญของวันนี้เป็นอย่างดีเพราะเป็นวันสำคัญทางศาสนา คืองดเหล้าเข้าพรรษา ดิฉันเห็นวัยรุ่นมากมายร่วมใจกันเข้ามาทำบุญภายในวัดรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อทำหน้าที่ของชาวพุทธที่ดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดิฉันก็ออกจากวัดแล้วก็มาช่วยป้าทำอาหารเช้า เพื่อรัปประทานกัน กับข้าวมือเช้าของวันนี้คือ ต้มจืดตำลึง และต้มยำหมู  ออร่อยอย่างบอกไม่ถูกเลยแหละ
      ในวันหยุดนี้เป็นการหยุดพักผ่อนทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เรียกได้ว่าหยุดยาวเลยกันทีเดียว รุ้สึกสบายกาย สบายใจ เพราะเหมือนเป็นการพักผ่อนไปในตัว จากการเรียนที่แสนจะเหนื่อยล้า ต้องพบปะกับสังคมภายนอกที่มีแต่ความวุ่นวาย
      และวันหยุดแบบนี้นี่เอง ก็เป็นโอกาสที่มำให้เราได้ทำกิจกรรมดีๆ หลายๆอย่างคือ ช่วงครอบครัวแบ่งเบาภาระ ทำให้สบายใจมากๆๆ สนุกอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว และช่วงเย็นของวัน ก็มีเพื่อนๆๆมาเล่นด้วย คุยกัน ถามสารทุกข์สุขดิบของกันและกัน เพราะในเวลาเรียนเราไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน






วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"ความรู้เรื่อง ช้าง" จังหวัดสุรินทร์

สุรินทร์จังหวัดใหญ่แห่งลุ่มน้ำมูล เป็นจังหวัดที่คนทั่วไปทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ต่างรู้จักกันดีว่าเป็นเมืองช้างกิตติศัพท์ชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ ความน่ารัก ความแสนรู้ของช้างจังหวัดสุรินทร์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่มีใครเหมือน ช้างสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับทางจังหวัด และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวจะพบเห็นช้างตามร้านอาหาร ช้างเดินอยู่ข้างถนนปะปนกับประชาชนได้อย่างปกติธรรมดาเหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างช้างกับคนมาช้านาน ชาวสุรินทร์ถือว่าช้างเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ กล่าวได้ว่าช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองสุรินทร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม


      เมื่อปี พ.ศ.2498 มีการรวมช้างทั้งหมดในจังหวัดสุรินทร์ขึ้นเป็นครั้งแรก มีช้างรวมกันประมาณ 200 เชือก ที่อำเภอท่าตูม โดยมีนายอำเภอท่าตูมคือ นายวินัย สุวรรณกาศ เป็นผู้จัดขึ้น ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจมาก นายอำเภอจึงดำริจัดงานช้างขึ้นครั้งแรกในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2503 เป็นการฉลองที่ว่าการอำเภอใหม่ โดยจัดที่บริเวณสนามบินเก่าอำเภอท่าตูม (ปัจจุบันคือที่ตั้งโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์) การจัดงานครั้งนั้นมีรายการแสดง การเดินขบวนแห่ช้าง การคล้องช้าง การแข่งขันช้างวิ่งเร็วและยังมีการแสดงรื่นเริงอื่นๆ ประกอบอีกด้วย เช่น การแข่งเรือ แข่งขันกีฬาอำเภอ งานครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะได้การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อ.ส.ท. ปัจจุบันคือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท.) จึงเสนอกระทรวงมหาดไทย ให้สนับสนุนจัดการแสดงเกี่ยวกับช้างของจังหวัดสุรินทร์เป็นงานประเพณีและงานประจำปี โดยวางแผนประชาสัมพันธ์ทั้งในและนอกประเทศให้ดี งานนี้ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ได้เป็นอย่างดี              ดังนั้น อ.ส.ท. จึงได้ร่วมมือกับจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่มาฝึกช้าง กำหนดรูปแบบเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว กำหนดงานเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2504 เป็นปีที่ 2 จัดที่อำเภอท่าตูมเช่นเดิม งานช้างปีที่ 2 ประสบผลสำเร็จด้วยดี การแสดงของช้างในปีต่อๆ มาได้ปรับปรุงรูปแบบให้สวยงาม น่าตื่นเต้นมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในรายการแสดงของช้าง ประกอบด้วยรายการต่างๆ ได้แก่ขบวนช้างพาเหรด ช้างปฏิบัติตามคำสั่ง ช้างแสนรู้ ช้างวิ่งเร็ว ช้างวิ่งข้ามคน ช้างเตะฟุตบอล และขบวนช้างศึก และต่อมาก็มีการแสดงช้างต่อเนื่องมาทุกปีทำให้คนทั้งในประเทศและต่างประเทศรู้จักช้างสุรินทร์เป็นอย่างดีว่าเป็นจังหวัดที่มีช้างแสนรู้มากที่สุด ต่อมาทางคณะกรรมการเห็นว่าควรย้ายสถานที่แสดงจากอำเภอท่าตูมมายังสถานที่แสดงจากอำเภอท่าตูม มายังสถานที่ใกล้ไปมาสะดวกเพื่อความเหมาะสมจึงได้มาจัดการแสดงช้างที่สนามกีฬาจังหวัด ตั้งแต่ พ.ศ.2505 สมัยนายคำรณ สังขกร เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขณะนั้นสืบมาจนถึงปัจจุบัน





ช่วงที่น่าไปเยี่ยมหมู่บ้านมากที่สุดคือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคมเพราะควาญช้างจะกลับมาเก็บเกี่ยวข้าว และนำช้างมาร่วมงานแสดงของจังหวัด ซึ่งจะมีช้างกลับมาอยู่บ้านเป็นจำนวนมาก กรณีที่เดินทางกันมาเป็นกลุ่ม และต้องการให้ช้างมาแสดงให้ดูในวันธรรมดาสามารถติดต่อล่วงหน้าได้ที่ผู้ใหญ่บ้านประกิต กลางพัฒนา ผู้ใหญ่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม โทร. 0-1999-1910, 0-1967-5015 หรือที่ว่าการอำเภอท่าตูม โทร.0-4459-1141, 0-4459-1058 ค่าเข้าชมชาวไทย คนละ 50 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท ส่วนการนั่งช้างเที่ยวชมหมู่บ้านหรือลัดเลาะแม่น้ำนั้นก็แล้วแต่จะตกลงราคากันเอง

 ข้อมูลช้างเลี้ยง จังหวัดสุรินทร์
ลำดับที่

พื้นที่ / 
อำเภอ
จำนวนช้างทั้งหมด
อยู่ในพื้นที่
ไป กทม.
หากินที่อื่น
ไม่ระบุ
รวม
(เชือก)
คิดเป็น
(เชือก)
(เชือก)
(เชือก)
(เชือก)
(เชือก)
1
อ.เมืองสุรินทร์
97
19.76%
-
-
-
97
97
2
อ.จอมพระ
2
0.41%
-
-
2
-
2
3
อ.ท่าตูม
263
53.56%
87
35
141
-
263
4
อ.ชุมพลบุรี
76
15.48%
-
-
-
76
76
5
อ.สังขะ
23
4.68%
-
-
22
1
23
6
อ.เขวาสินรินทร์
27
5.50%
-
-
21
6
27
7
อ.พนมดงรัก
3
0.61%
-
-
3
-
3
รวม
491
100 %
87
35
189
180
491
17.72%
7.13%
38.49%
36.66%
100 %
ที่มา : ที่ทำการปกครองจังหวัดสุรินทร์
รายชื่อเจ้าของช้างที่มีช้างในครอบครอง ตั้งแต่ 5 เชือกขึ้นไป
ลำดับ
ชื่อ-นามสกุล
ที่อยู่ (เจ้าของช้าง)
ทะเบียนช้าง
ช้างในครอบครอง
คิดเป็น
1
นายสินชัย ธนสมุทร136/3 ถ.จิตรบำรุง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์อ.เมืองสุรินทร์
16 เชือก
3.26%
2
นางพัชรา ดูกิจติเกษม67-71 ถ.ปัทมานนท์ ต.ในเมือง
อ.เมือง จ.สุรินทร์
อ.เมืองสุรินทร์
76 เชือก
15.48%
3
นายสมโรจน์ ดูกิจติเกษมถ.ปัทมานนท์ ต.ในเมือง อ.เมือง
จ.สุรินทร์
อ.ท่าตูม
12 เชือก
2.44%
4
นายดา จงใจงาม50 ม. 13 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์อ.ท่าตูม
7 เชือก
1.43%
5
นายประกิต
กลางพัฒนา
30 ม. 9 ต.กระโพ อ.ท่าตูม
จ.สุรินทร์
อ.ท่าตูม
9 เชือก
1.83%
6
นายมาก ศรีสุข20 ม.7 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์อ.ท่าตูม
12 เชือก
2.44%
7
นายบุญมา
จงใจงาม
39 ม. 11 ต.กระโพ อ.ท่าตูม
จ.สุรินทร์
อ.ท่าตูม
7 เชือก
1.43%
8
นายเปา จงใจงาม13 ม.3 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์อ.ท่าตูม
7 เชือก
1.43%
9
นายสุริยะ ร่วมพัฒนา91 ม. 1 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์อ.ท่าตูม
18 เชือก
3.67%
10
นายวัน เรียงเงินม. 4 ต.เขวาสินรินทร์ กิ่ง อ.เขวาฯ
จ.สุรินทร์
กิ่ง อ.เขวาฯ
8 เชือก
1.63%